เคยรำคาญความคิดฟุ้งซ่านที่คอยกวนความสงบในใจหรือไม่? มันก่อตัวในหัวเหมือนเมฆดำทะมึน กดดันให้ทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา นี่คือประสบการณ์ที่ผมพบวิธีสลายมัน คุณก็ทำได้
ประสบการณ์แตกหักกับความคิดในหัว ความรู้สึก และ อารมณ์ ต้องมีสิ่งกระตุ้น
หากไม่มีสิ่งกระตุ้นแล้ว ความรู้สึก และ อารมณ์จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย เราเลี่ยงได้โดยการทำสมถะ นั่นคือ ตัดขาดจากผู้คนที่มีห่วงหรือถูกห่วงพ่วงด้วยความจำเป็น(เลี่ยงไม่ได้) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะยังไงเสีย สิ่งที่เราไม่ต้องการ ก็ต้องมาหาเรา กระตุ้นเราให้ฟุ้งซ่านอยู่ดี
หนี บ่วงพันธะ ไม่พ้น ถ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว
เมื่อหนีไม่พ้น ก็ต้องเผชิญหน้า เพื่อพิจารณา
ใช้ปัญญา ทำความเข้าใจ
เข้าใจอะไร สาเหตุของการกระตุ้นนั้น
เริ่มจาก ปัจจัยภายนอก ที่เลี่ยงไม่ได้
จากนั้น สมองที่รับเรื่อง และ การตีความ
ปัญหา ไม่ได้อยู่ที่แรงกระตุ้น เพราะ เป็นเวรกรรม
แต่ความท้าทายของเราคือ การตอบสนอง ของสมอง
ตอบสนองที่ผิด คือ สร้างความขุ่นมัว สติก็หลุด หลุดหลงเข้าไปอยู่ในโลกของความคิด ความหลงลืมเกิดขึ้น
ดังนั้น อย่าโกรธ แหล่งกระตุ้น มันไม่ช่วย
แต่จงใช้เวลาพิจารณาการเกิดขึ้นของ การตอบสนองและตีความของสมอง ว่ามันขยาย มันฟู มันฟ้อง สร้างเรื่องราวให้ใจขุ่นมัวได้อย่างไร ตรงนี้ได้ปัญญามากกว่า
ทำไมสมองชอบฟู ตีฟอง แรงกระตุ้นให้ใหญ่โต?
มันเห็นว่าเป็นโอกาสในการ ยกคุณค่าของอัตตา
สังเกตจากการที่มัน สร้างเรื่องราวที่หมุนรอบตัวเรา ขยายความเป็นตัวเราว่าเป็นแบบนี้ แบบนั้น ผ่านการลดค่า ดูแคลนคน/ตัวกระตุ้น ว่าเป็นต้นตอให้เกิดความขุ่นมัว ทำตัวไร้สาระ เว่อร์เกินความจำเป็น (ให้คุณค่าที่ผิด)
จากการให้คุณค่าที่ผิด ทำให้สมอง สบโอกาสสร้างเรื่องราว แบบขุนพลอยพยัก ดึงเหตุการณ์เก่านั้นมาฉายวนซ้ำ เขาแย่/ฉันดี ซึ่งยิ่งสร้างยิ่งแย่ ในแง่ของความขุ่นมัวในใจ
เพราะจากนั้น มันจะแว้งกลับมาตั้งคำถามกับตัวเราว่า “ทำเกินไปหรือเปล่า?” แล้วมันก็ถึงเวลากระทืบเราแทน เราก็ทุกข์เพิ่ม เพราะจะเริ่มนึกถึงใจ/ความรู้สึกของอีกฝ่าย กลัวว่าเขาจะคิดแบบนี้แบบนั้น รู้สึกแย่กับเรา กลายเป็นขยายฟองของความคิดใหญ่โตขึ้นมาอีก
ทั้งที่ความจริงแล้ว มันเริ่มจากเหตุการณ์เล็ก ๆ คือ การได้รับ/แลกเปลี่ยนข่าวสาร เท่านั้นเอง
คนให้ข่าวสาร ไม่ได้กดดันเราเลย ก็แค่ส่งมา
ความผิดตกอยู่ที่ สมอง/การตีความ/ให้ค่าที่เพี้ยนของมัน
เข้าใจสมอง รับรู้ และให้มันจบที่สมอง ที่ความคิดของเรา
รับรู้ว่ามันเกิดขึ้นไปแล้ว เราทำไปแล้ว มันเป็นเหตุการณ์ความขุ่นมัว ดราม่า เป็นผลงานของสมอง ที่เกินจำเป็น ไม่มีประโยชน์ เดี๋ยวก็จะดับไป แล้วรอกระพือเรื่องใหม่ที่จะเข้ามา มันมีหน้าที่แค่นี้ อย่าให้ค่ามัน อย่าปล่อยให้ตนเองหลงตาม/เครียดตามเป็นทาสของมันเด็ดขาด
เวลาที่มีสตอรี่ ดราม่า ที่เกิดในหัว เป็นความคิด ให้ท้าทาย และ ถามตนเองว่า ตกลงความคิด เป็นเครื่องมือ หรือ นายของมึงกันแน่? ท้าทายไปเลย แล้วมันจะสงบเอง
จากประสบการณ์นี้มันชี้ให้เห็นชัดเจนว่า
สมองนั้นไม่ใช่ของเรา ความคิดก็ไม่ใช่ของเรา
เพราะมันโจมตีไม่ใช่แค่คนอื่น แต่มันยังเล่นงานเราด้วย
มันสามารถแว้งกัด ทำให้เราทุกข์ใจได้ตลอดเวลา
ถ้ามันเป็นของเรามันต้องช่วยเรา มันต้องอยู่ข้างเรา ที่สำคัญมันต้องทำให้เรามีความสุข ไม่ใช่เอาแต่กระตุ้นให้เกิดความทุกข์ได้ตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ความคิดผุดขึ้นมา ให้บอกมัน/บอกตนเองทันทีว่า เป็นเรื่องของมึงแล้ว มึงไม่ใช่ตัวกู มึงไม่ใช่ของกู
มีแต่ความคิดที่เตือนสติ เท่านั้น ที่เป็นของเรา
ความคิดใดๆ ที่ทำให้เราทุกข์ ไม่ใช่ของเรา ไม่ควรให้ค่า
ความคิด มี 2 ประเภท
ช่วยเหลือ กับ ไร้ประโยชน์
ช่วยเหลือ ช่วยวางแผน รับฟัง
ฟุ้งซ่าน กังวล ตีความไปก่อน ปัดทิ้ง
บทความคล้ายกันที่คุณอาจสนใจ