ความสุขที่แท้จริง มาจากการมีเงิน หรือใช้เงิน?

ความสุขที่แท้จริงมาจากการมีเงินหรือใช้เงิน?

ความสุขที่แท้จริง มาจากการมีเงิน หรือใช้เงิน?

1. คุณจะมีความสุขมากขึ้นไหมถ้าคุณมีเงินมากขึ้น? เงินก่อให้เกิดความสุขเมื่อช่วยให้เราสร้างความต้องการขั้นพื้นฐาน แต่การวิจัยบอกเราว่าเงินที่มากขึ้นในระดับหนึ่งไม่ได้ให้ความสุขมากขึ้น การได้เงินมากขึ้นไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เข้าร่วมมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องพวกเขาจากสิ่งที่อาจทำให้พวกเขาไม่มีความสุขอีกด้วย

ทำไมการช้อปปิ้งออนไลน์ถึงทำให้คุณมีความสุข? มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Consumer Psychology ในปี 2014 ระบุว่าการซื้อสินค้าช่วยให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขขึ้นในทันที และยังต่อสู้กับความเศร้าที่ยังคงอยู่อีกด้วย เหตุผลหนึ่งที่ผู้เขียนศึกษาคาดการณ์ก็คือ การตัดสินใจซื้อให้ความรู้สึกถึงการควบคุมส่วนบุคคลและความเป็นอิสระ

การบำบัดด้วยการ shopping คืออะไร? คือการที่คุณไปซื้อของโดยมีจุดประสงค์หลักในการทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น การศึกษาพบว่า 62% ของผู้ซื้อซื้อของบางอย่างเพื่อให้กำลังใจตัวเอง อีก 28% ทำการซื้อเพื่อเฉลิมฉลองบางสิ่งบางอย่าง

2. เรามีความสุขมากขึ้นเมื่อไม่มีเงิน? การวิจัยส่วนใหญ่บอกว่าไม่ เงินอาจซื้อความสุขไม่ได้ แต่ให้ความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งจะให้ความมั่นคงทางร่างกายและความต้องการขั้นพื้นฐานอื่นๆ เช่น อาหาร ความมั่นคงทางการเงินยังช่วยให้เรากังวลน้อยลง

3. เงินทำให้คนมีความสุขจริงหรือ? เงินทำให้คนมีความสุขในหลาย ๆ ด้าน ไม่ใช่ทางออกสุดท้ายของปัญหาชีวิต แต่ทำให้หลาย ๆ คนเอาชนะได้ง่ายขึ้น

4. ทำไมความสุขถึงสำคัญกว่าเงิน? ความสุขทำให้คุณเป็นคนดีขึ้น เรามีเวลาเพียงสั้น ๆ ที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากโลกนี้ การทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อทำเงินหนึ่งล้านดอลลาร์อาจเป็นวิธีหนึ่งในการใช้จ่าย แต่ค่าใช้จ่ายส่วนตัวล่ะ? การมีชีวิตอยู่เพื่อเงินเพียงอย่างเดียวเมื่อหมดประโยชน์หรืออาจหายไปในวันเดียวเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง

5. เงินหรือความสุขอะไรมาก่อน? ถ้าคิดกันจริงๆ ความสุขต้องมาก่อนเงิน แม้ว่าเงินจะนำมาซึ่งความสุขได้ แต่ความสุขที่ได้มานั้นจะคงอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น หลังจากความสุขนี้หมดไป อาจทำให้ผู้คนรู้สึกว่างเปล่าอีกครั้ง เช่น ถ้าถูกล็อตเตอรี่ก็จะมีความสุขมาก

6. อะไรทำให้คนมีความสุข? สิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุข แม้ว่าจะเป็นอัตวิสัยล้วน ๆ มักจะเน้นที่แนวคิดหลักสามประการ ได้แก่ ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและใกล้ชิดกับผู้อื่น ประโยชน์ในสังคม และการช่วยเหลือผู้อื่น

7. นี่คือ 5 วิธีใช้เงินที่ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น

  • ซื้อประสบการณ์
  • ซื้อของ/เลี้ยงอาหารคนที่คุณรัก
  • ซื้อเวลา
  • จ่ายก่อน รับทีหลัง(ลงทุน)
  • ลงทุนในคนอื่น

บทความคล้ายกันที่ท่านอาจสนใจ

สาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์คืออะไร?

สาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์คืออะไร?

สาเหตุแห่งทุกข์มาจาก 2 ทางนี้ครับ คือ ทุกข์จากทางกายและ ทุกข์จากทางใจ

ทุกข์ทางกายคือความไม่รู้สึกสบายกาย อาทิเช่น ทุกข์จากความหนาว ทุกข์จากความร้อน ทุกข์จากความป่วยไข้ ทุกข์จากความบาดเจ็บ ทุกข์จากความหิวโหย ทุกข์จากร่างกายที่เสื่อมสภาพ เป็นต้น โดยทุกทางกายนี้มันเกิดขึ้นได้เองตามสังขารและก็ยังมาจากการกระทำของเราเองด้วยครับ

ทุกข์ทางใจ คือความทุกข์ที่เกิดจากความคิด เกิดจากการปรุงแต่งของความคิด บางคนเรียกว่าเกิดจากการปรุงแต่งของใจก็ได้เช่นกัน ความคิดที่ก่อให้เกิดทุกข์ได้แก่ความกลัว ความเสียใจทีหลัง ความหวาดหวั่นต่ออนาคต ความเครียด ความกังวล เป็นต้น บ่อยครั้งที่ความทุกข์ทางใจนั้นเกิดจากการกระทำของคนอื่น มาจากความคาดหวังในคนอื่น หรือเกิดจากความกังวลที่สืบเนื่องมาจากทุกข์ทางกายก็ได้เช่นกันยกตัวอย่างเช่นถ้าเราได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เราจะรู้สึกกังวลใจ มีความหวาดกลัวซึ่งมันยังไม่เกิดขึ้น แต่ความคิดนั้นสร้างไปแล้วทำให้เกิดความทุกข์

พุทธศาสนาบอกว่า ทุกข์ หมายถึง ‘ความทุกข์’ หรือ ‘ความไม่พึงพอใจ’ ของชีวิต บุคคลอาจทำตามความปรารถนาของตนได้ชั่วคราว แต่ความทุกข์ – ไม่ว่าทางกาย ทางอารมณ์หรือทางใจ – ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ความโกรธ เป็นต้นตอสำคัญให้เราเกิดความทุกข์ได้เช่นกันเมื่อเรามีความโกรธจะทำให้จิตใจดิ้นรนเกิดความร้อนรนขึ้นมาในใจ จะขยับไปทางไหนก็รู้สึกอึดอัดทุกอย่างดูขัดใจไปหมด ความโกรธก่อให้เกิดความเครียดความขุ่นเคืองใจ คับข้องใจ คับแค้นใจ อาฆาต มองโลกในแง่ร้าย ความพยาบาท เมื่อมีความโกรธแล้วเราจะปิดใจแสดงความไม่เป็นมิตรต่อคนอื่นและยังสร้างเรื่องราวมุมมองที่เป็นลบกับคู่กรณีนั้นก่อให้เกิดความเครียดความบาดหมางและก็ความทุกข์ที่ดีกรีสูงขึ้นด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วความโกรธนั้นมันมาจากการที่เราให้ความหมายกับการตอบสนองของคู่กรณีที่ผิดเพี้ยนไป มันเกิดมาจากตัวเราเอง เกิดจากค่านิยมการตีความและการตัดสินของเราเอง วิธีแก้ทุกข์จากความโกรธที่ดีที่สุดคือเราต้องรู้จักข่มสติเตือนสติตัวเองให้ได้หรือมีความสามารถในการตีตัวออกห่างจากสถานการณ์นั้นโดยทันที 

ความกลัว ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างสาหัสโดยที่แทบจะไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำไปเราทำร้ายตัวเอง ความกลัวเกิดจากการที่เราจินตนาการเหตุการณ์ในอนาคตในแง่ร้ายมากเกินไปทั้งๆที่มันยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงเลย แต่เราสร้างสถานการณ์ สร้างแรงกดดันให้กับตัวเองทำร้ายตัวเองให้เกิดความเครียดก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นจริง  วิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คือบอกตัวเองว่าใครจะเกิดก็ให้มันเกิดเราทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอถ้ามีเหตุการณ์ที่มันเลวร้ายเกิดขึ้นจริงเราก็เตรียมตัวรับมือกับมันไว้ให้ดีที่สุดก็พอ แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะ ทำวันนี้ทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดต่อไปก็พอ

ความโลภ ความคาดหวัง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความกังวล และความโกรธ ซึ่งถ้าเราเข้าใจสาเหตุที่มาของมันแล้วเราก็จะสามารถขจัดความทุกข์จากเรื่องนี้ออกไปได้อย่างไม่ยากนัก วิธีแก้ของนักปราชญ์เขาบอกว่าอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของเรา เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ขึ้นอยู่กับเราสิ่งนั้น “มันไม่ใช่ของเรา” อย่าโง่ไปฝืนพยายามควบคุมมันเพราะยิ่งพยายามควบคุมยิ่งคาดหวังกับมันเราก็ยิ่งทุกข์ไปเปล่าๆ ให้เราปล่อยมันไปตามยถากรรมของมันเอง อย่าเอาตัวเราไปยุ่งเกี่ยว ถ้าเราโฟกัสไปที่การรับผิดชอบการกระทำและความคิดของตัวเราให้ดีที่สุด คนอื่นก็เป็นชีวิตของเขาไป วิธีการนี้จะทำให้เรามีความสุขและก็ลดความทุกข์จากความคาดหวังได้อย่างมาก

วิธีการแก้ทุกข์แบบง่ายๆ ก็คือคุณต้องหาสาเหตุของความทุกข์นั้นให้เจอว่ามันมาจากอะไรมาจากกายหรือมาจากใจกันแน่ จากนั้นให้สืบค้นไปต่อว่าความทุกข์นั้นมันเป็นลักษณะอาการแบบไหนเช่นเป็นความกังวลไปเองกังวลไปก่อนหรือเปล่า หรือเป็นการเสียใจทีหลัง การสืบค้นแบบนี้ต้องใช้จิตใจและความคิดที่มีความเป็นกลางสูงมาก ถ้าท่านมีความยุติธรรมซื่อตรงกับตัวเอง ท่านจะหาสาเหตุของความทุกข์นั้นเจอแล้วจะแก้ไขและปลดปล่อยมันไปได้ หรือสามารถผ่อนหนักให้กลายเป็นเบาได้ครับ

หลวงปู่ชา สุภัทโท สอนวิธีดับทุกข์ไว้ว่า

บางทีมีความสุขบางทีมันมีความทุกข์ บางทีสบาย บางทีรำคาญ บางทีรักคนโน้นบางทีเกลียดคนนี้ นี้คือธรรมะ เห็นไหม ให้รู้จักธรรมะต้องอ่านอารมณ์ ให้รู้จักอารมณ์นี้ถึงจะปล่อยอารมณ์ได้

เห็นว่าอารมณ์มันไม่แน่นอนแล้วอย่างนี้เราก็สบาย มันเกิดลุกวูบขึ้นมา ว่า “ฮือ…อันนี้ไม่แน่หรอก” แต่ไปอีกอารมณ์เปลี่ยนขึ้นมาว่า “ฮือ…อันนี้ก็ไม่แน่”..อันที่ว่า ไม่แน่นอน นี่แหละคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็คือธรรมะ ธรรมะคือสิ่งที่ว่ามันไม่แน่’

ความทุกข์ก็เหมือนกับความมืดความรู้และความเข้าใจก็เหมือนกับแสงสว่างถ้าเรารู้สาเหตุของความทุกข์ได้ว่ามันเกิดจากอะไรแล้วเราก็หาความรู้หรือมีความรู้เข้าใจถึงที่มาของมัน เหตุผลของมัน ก็จะเป็นเหมือนการฉายไฟไปยังความมืดนั้น แสงไฟจะทำให้ความมืดหรือความทุกข์นั้นหายไป ดังนั้นวิธีการแก้ความทุกข์ที่ดีที่สุดก็คือความเข้าใจในความทุกข์นั้นว่ามันมาจากอะไรถ้าเราเข้าใจก็เหมือนกับเราฉายไฟไปยังความมืดนั้นความมืดก็จะมลายหายไปเช่นเดียวกันกับความทุกข์นั้นครับ

ที่สำคัญ เราไม่ควรหนีความทุกข์ แต่ให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับความทุกข์นั้น ผมมั่นใจว่าคุณจะเห็นประโยชน์ของความทุกข์ได้อย่างมากมาย ในแบบที่คุณไม่เคยได้มาก่อนครับ

ปล. เรื่องแนวทางการดับทุกข์ และก้าวข้าม/อยู่เหนือความทุกข์ เป็นเป้าหมายหลักของเว็บไซต์ hidukkha.com แห่งนี้ครับ ผมให้สัญญาว่าจะนำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ที่เอาไปปฏิบัตืใช้ได้จริงมาแชร์ให้อ่านกันเป็นประจำ ติดตามกันได้เลยครับ

8 คำคมที่ช่วยให้คุณพบความสงบสุข สลัดความทุกข์ได้ทันที

ประโยคสั้น ๆ ที่มีความหมายลึกซึ้งเหล่านี้ สามารถช่วยดึงสติให้คุณสลัดความเข้าใจผิด ซึ่งจะช่วยให้คุณมัปัญญามากพอที่จะสลัดความทุกข์/กังวลใจ/เครียดทิ้งไปได้ทันทีครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากมันมาก ๆ จึงอยากแชร์ให้ท่านที่ต้องการไอเดียในการดับทุกข์ทันที ลองทำความเข้าใจแล้วเอาไปคิดต่อดูครับ บางทีมันอาจจะช่วยให้คุณสลัดความทุกข์ที่คุณกำลังเผชิญในขณะนี้ออกไปทันทีก็ได้ครับ นี่คือ 8 คำคม ช่วยค้นหาความสงบสุข สลัดความทุกข์ได้ทันที จาก นักปราชญ์สโตอิกครับ

8 คำคมที่ช่วยให้คุณพบความสงบสุข สลัดความทุกข์ได้ทันที
  1. อย่าทุกข์กับปัญหาในจินตนาการ
    “There are more things … likely to frighten us than there are to crush us; we suffer more often in imagination than in reality.” – Seneca
    “มีหลายสิ่ง … มีแนวโน้มที่จะทำให้เรากลัวมากกว่าที่จะบดขยี้เรา เราทุกข์ทรมานในจินตนาการมากกว่าในความเป็นจริง” – เซเนกา
    แทบทุุกเรื่องในโลกนี้ โดยเฉพาะความขัดแย้ง ที่ก่อให้เราเกิดความทุกข์นั้น มาจากจินตนาการ มาจากสมองที่คอยสร้างเรื่องราวความขัดแย้งในหัวของเราครับ ถ้าคุณสามารถทำความเข้าใจและพิสูจน์ชัดว่า ความกลัว ความขัดแย้ง ความเครียด ความกังวลนั้นมาจากความคิดฟุ้งซ่านของตนเองได้นะ คุณสลัดความทุกข์นั้นทิ้งได้ทันทีเลย
  1. ยอมรับความตายของคุณเอง
    “No man can have a peaceful life who thinks too much about lengthening it.”Seneca “ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะมีชีวิตที่สงบสุขได้ ถ้าเขาคิดมากเกินไปเกี่ยวกับการมีชีวิตที่ยืนยาว(ไม่อยากตาย)” เซเนกา
    นี่ก็เป็นเคล็ดสำคัญเลยครับ ลองคิดต่อดูนะครับ ว่าถ้าเราตายไปในตอนนี้ ทุกอย่างก็จะดับหายไปตลอดกาล ไม่มีเราอยู่ ไม่มีปัญหาเหลืออยู่ ฉะนั้นปัญหา/ความทุกข์/ความกังลว หรือแม้กระทั่งตัวเราเองก็เป็น “สิ่งชั่วคราว” ครับ ถึงแม้เราจะไม่ได้ตายจากไปในวันนี้ แต่เดี๋ยวความเครียด ความกังวล ความขัดแย้ง ที่เรากำลังทนทุกข์ในวันนี้มันก็จะต้องมลายหายไป แล้วมีเรื่องใหม่มาให้เราเครียดแทน ชีวิตก็เป็นแบบนี้ครับ ไม่มีแผลอะไรที่สดใหม่ยาวนานตลอดกาลหรอก เดี๋ยวมันก็จะถูกลืม เดี๋ยวมันก็จะลดดีกรีความรุนแรงไป ฉะนั้นเราจะไปเครียดทำไม ปล่อยมันไป อะไรที่ยอมได้ก็ยอม เดี๋ยวก็ตายจากกันแล้ว
  2. จำไว้ว่าความคิดเห็นของใครสำคัญ
    “It never ceases to amaze me: we all love ourselves more than other people, but care more about their opinions than our own.”-Marcus Aurelius
    (ชอบมาก ๆ) “ฉันไม่เคยหยุดทำให้ฉันประหลาดใจ เราทุกคนรักตัวเองมากกว่าคนอื่น แต่สนใจความคิดเห็นของพวกเขามากกว่าตัวเราเอง” – มาร์คัส ออเรลิอุส
  3. จัดตารางความสงบในชีวิตของคุณ
    “Nothing, to my way of thinking, is a better proof of a well ordered mind than a man’s ability to stop just where he is and pass some time in his own company.” – Seneca “สำหรับวิธีคิดของฉัน ไม่มีอะไรจะพิสูจน์ได้ว่าจิตใจมีระเบียบเรียบร้อยดีไปกว่าความสามารถของมนุษย์ที่จะหยุดอยู่ในที่ที่เขาอยู่และใช้เวลาร่วมกับเพื่อนของเขาเอง” – เซเนกา
  4. ค้นหาความงามในชีวิตประจำวัน
    “Observe the movements of the stars as if you were running their courses with them, and let your mind constantly dwell on the changes of the elements into each other. Such imaginings wash away the filth of life on the ground.” ― Marcus Aurelius, Meditations
    “สังเกตการเคลื่อนไหวของดวงดาวราวกับว่าคุณกำลังวิ่งไปตามเส้นทางของพวกมัน และปล่อยให้จิตใจของคุณจดจ่ออยู่กับการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบซึ่งกันและกัน จินตนาการดังกล่าวล้างความสกปรกแห่งชีวิตบนพื้นดินออกไป” ― มาร์คัส ออเรลิอุส การทำสมาธิ
  5. ชมวิวจากเบื้องบน (มองภาพใหญ่/ภาพรวม)
    “Think of substance in its entirety, of which you have the smallest of shares; and of time in its entirety, of which a brief and momentary span has been assigned to you; and of the works of destiny, and how very small is your part in them.”-Marcus Aurelius
    “คิดถึงเนื้อหาทั้งหมดซึ่งคุณมีส่วนแบ่งน้อยที่สุด และเวลาทั้งหมดซึ่งกำหนดช่วงเวลาสั้น ๆ และชั่วขณะหนึ่งให้กับคุณ และการงานแห่งโชคชะตา และคุณมีส่วนน้อยเพียงใดในสิ่งเหล่านี้” – Marcus Aurelius
  6. Live By A Code
    “If it is not right do not do it; if it is not true do not say it.”-Marcus Aurelius
    “ถ้ามันไม่ถูกต้องอย่าทำ ถ้ามันไม่จริงอย่าพูดมันออกมา” – Marcus Aurelius
  7. ไตร่ตรองบ่อยๆ
    “The unexamined life is not worth living.”Socrates
    “ชีวิตที่ไม่ได้ตรวจสอบ ไม่คุ้มค่าที่จะมีชีวิตอยู่” โสเครตีส

ลองเอาคำคมเหล่านี้ไปพิจารณาหาความหมายเพิ่มเติมกันดูครับ ไม่แน่นะครับ แค่คุณอ่านมันครั้งแรกมันก็ถึงกับช่วยสลัดปมปัญหาความทุกข์ในใจของคุณได้ทันทีเลยก็ได้ เพราะผมเองก็เป็นเช่นนั้นครับ